เมนู

พระนาคเสนถวายพระพรว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร โกจิเทว ปุริโส
เปรียบปานดุจบุรุษผู้หนึ่งลักเอาผลมะม่วงที่เขาปลูกไว้ เจ้าของจับได้ เอาตัวผู้นั้นส่งมาให้
แก่นครบาล ตกว่าโจรนั้นต้องด้วยบทพระอัยการจะว่ามีโทษหรือไม่มีเป็นประการใดน่ะ บพิตรพระ
ราชสมภาร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์จึงมีพระราชโองการตรัสว่า โจรนั้นคงจะมีโทษซิ พระผู้เป็นเจ้า
พระนาคเสนถวายพระพรว่า ผลมะม่วงนี้ไซร้เป็นผลต่อ ๆ กันมาแต่มะม่วงเดิม กลาย
เป็นอื่นแล้ว เห็นจะไม่มีโทษดอกกระมัง
พระเจ้ากรุงมิลินท์จึงมีพระราชโองการตรัสว่า มีโทษ ผลมะม่วงเกิดแต่พันธุ์พืชมะม่วง
ที่เขาปลูกไว้ โจรลักไปจึงมีโทษน่ะ พระผู้เป็นเจ้า
พระนาคเสนถวายพระพรว่า สัตว์กระทำกรรมไว้ฉันใดเล่าในนามรูปชาตินี้ จะกระทำไว้
โสภณํ วา ดีเป็นฝ่ายกุศลก็ดี ปาปกํ วา จะไม่ดีเป็นฝ่ายอกุศลก็ดีเป็นกรรมอันชั่ว ก็จะ
ติดตามตัวผู้นั้นไป ถึงว่าจะเกิดในชาติอื่นเป็นนามรูปอื่น จะพ้นจากกรรมหามิได้ อุปไมยดัง
โจรลักผลมะม่วงมิได้พ้นโทษนั้น ขอถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชากรได้ทรงฟังก็โสมนัสตรัสว่า กลฺโลสิ พระผู้เป็นเจ้า
วิสัชนานี้สมควรยิ่งนักหนาในกาลบัดนี้
อิมัมหา กายา อัญญัง กายัง สังกมนปัญหา คำรบ 7 จบเท่านี้

กัมมผลอัตถิภาวปัญหา ที่ 8



ราชา

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการถามว่า ภนฺเต นาคเสน
ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชาญาณ มหาชนคนทั้งหลายกระทำการกุศลก็ดี กระทำการอกุศลก็ดี
ในอิธโลกนี้ ผลกรรมนั้นไปอยู่ที่ไหน
พระนาคเสนจึงวิสัชนาแก้ไขว่า มหาราชา ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร
บุคคลกระทำการบุญการบาป การบุญการบาปนั้นจะได้ตั้งอยู่ที่ไหนหามิได้ กรรมนั้นก็ตามไป
อุปมาฉันใดเล่า ฉายาว ดุจเงา อนุปายินี มีปรกติไปตามตัว จะกระทำไว้ซึ่งกรรมอันดีและชั่ว